ค้นหาคำถามที่พบบ่อยเพิ่มเติมสำหรับ Beosound 2 3rd Gen ของคุณ

ค้นหา Beosound 2 3rd Gen คำถามที่พบบ่อย

การเริ่มต้นใช้งาน & การใช้งานประจำวัน

 

สามารถใช้บลูทูท และ Line-in ได้หาก Beosound 2 3rd Gen ไม่ได้เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต

 
  1. เชื่อมต่อกับเครือข่ายของคุณ
  • ตรวจสอบให้แน่ใจว่าอุปกรณ์และลำโพงของคุณเชื่อมต่อกับเครือข่ายเดียวกัน
Wifi - Icon

2. การเล่นเพลง

  • เปิดแอป Spotify และเริ่มเล่นเพลงกดไอคอนลำโพงที่ด้านล่างของหน้าจอ
Spotify

3. เลือกลำโพง

  • เลือกลำโพง Spotify Connect ของคุณในรายการ
Spotify

Beosound 2 3rd Gen รองรับผ่านแอป Bang & Olufsen :

– วิทยุ Bang & Olufsen

– Deezer

– DLNA

 

นอกจากแหล่งที่มาในตัวแล้ว คุณยังมีตัวเลือกในการใช้:

– Beolink Multiroom

– AirPlay 2

– Chromecast

– Spotify Connect

– Tidal Connect

– บลูทูท

– แหล่งที่มาของบุคคลที่สามผ่าน Line-in (โดยใช้อะแดปเตอร์แจ็ค USB-C ไป 3.5 มม.)

แอป Bang & Olufsen เสนอตัวเลือกต่าง ๆ เพื่อเพลิดเพลินกับเสียงเพลงและปรับแต่งประสบการณ์ของคุณ โปรดทราบว่าบางผลิตภัณฑ์ไม่รองรับคุณสมบัติทั้งหมด

คุณสามารถดาวน์โหลดแอป Bang & Olufsen ได้ที่นี่ :

  1. เพลง
  • มีวงดนตรีและเพลย์ลิสต์ให้เลือกมากมาย คุณลักษณะนี้ต้องใช้บัญชีพรีเมียมของ Deezer
 
B&O แอปพิเคชั่น

2. วิทยุ

  • คล้ายกันกับเพลง มีสถานีวิทยุให้เลือกมากมาย
B&O แอปพิเคชั่น

3. Multiroom

  • Multiroom ช่วยให้คุณสามารถเล่นเพลงพร้อมกันได้โดยใช้ Beolink Multiroom เพียงแค่เปิดเพลงจากลำโพงเครื่องเดียวแล้วกดไอคอน + เพื่อเพิ่มห้องที่คุณต้องการเล่นเพลง
B&O แอปพิเคชั่น

4. โหมดในการฟัง

  • ในหน้าผลิตภัณฑ์ คุณสามารถเข้าถึงคุณสมบัติ Beosonic
  • เพียงเลือกผลิตภัณฑ์ของคุณในรายการผลิตภัณฑ์เพื่อเข้าถึงตัวเลือกโหมดการฟังต่าง ๆ
B&O แอปพิเคชั่น

5. การอัปเดทซอฟต์แวร์

  • ซอฟต์แวร์ของผลิตภัณฑ์อัปเดตได้โดยใช้แอป Bang & Olufsen ซึ่งช่วยให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์ของคุณนั้นมีคุณสมบัติล่าสุดอยู่เสมอ
B&O แอปพิเคชั่น

6. ฝ่ายสนับสนุน

  • คุณสามารถติดต่อทีมบริการลูกค้าของเราได้โดยตรงจากแอป โดยแตะที่ “การสนับสนุน” ในส่วน “การตั้งค่า”
  • เลือกผลิตภัณฑ์และคำถามที่มีปัญหาและป้อนรายละเอียดของการสอบถามและทีมบริการลูกค้าของเราจะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อช่วยเหลือคุณ
B&O แอปพิเคชั่น

คุณสามารถทำการควบคุมพื้นฐานได้โดยตรงที่ด้านบนของ Beosound 2 3rd Gen เช่น เล่น หยุดชั่วคราว แทร็กถัดไปหรือก่อนหน้า

กด Play/Pause ค้างไว้เพื่อเข้าร่วมประสบการณ์ Beolink ที่กำลังดำเนินอยู่ (Beolink Multiroom)

ควบคุมระดับเสียงโดยหมุนวงแหวนอะลูมิเนียม

ปุ่มรายการโปรดทั้งสี่ปุ่มช่วยให้คุณจัดเก็บและเปิดใช้งานสถานีวิทยุจาก Bang & Olufsen Radio และเพลย์ลิสต์จาก Deezer หรือ Spotify

คุณยังสามารถเชื่อมต่อ Beosound Essence Remote, Beoremote Halo, Beoremote One BT หรือ Beosound Essence Remote กับ Beosound 2 3rd Gen ได้อีกด้วย โปรดทราบว่า MyButtons หรือการเลือกแหล่งที่มาไม่สามารถทำได้โดยใช้ Beosound Essence Remote

คุณยังสามารถควบคุมฟังก์ชันพื้นฐานและตั้งค่าปรับแต่งเสียงส่วนตัวได้โดยใช้แอป Bang & Olufsen

B&O ลำโพง Beosound 2 3rd Gen - Natural

ใช้แอปพลิเคชัน Bang & Olufsen เพื่อกำหนดค่าและเชื่อมต่อ Beosound 2 3rd Gen กับเครือข่ายของคุณ

1. เชื่อมต่อกับแหล่งจ่ายไฟหลัก

• วางลำโพงในตำแหน่งที่คุณต้องการตั้งค่า เชื่อมต่อสายไฟหลัก

• รอประมาณ 1-2 นาทีในขณะที่ไฟแสดง Play/Pause กระพริบเป็นสีขาว

• หลังจากไฟแสดงสถานะ Play/Pause เปลี่ยนเป็นสีส้มและได้ยินเสียงเตือน แสดงว่าลำโพงพร้อมสำหรับการตั้งค่า

B&O ลำโพง Beosound 2 3rd Gen - Natural
  1. ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Bang & Olufsen
  • หากต้องการตั้งค่าลำโพงและรับประสบการณ์ Bang & Olufsen อย่างเต็มรูปแบบ ให้ดาวน์โหลดแอป Bang & Olufsen คุณสามารถปรับแต่งประสบการณ์ของคุณและเข้าถึงคุณสมบัติใหม่ รวมถึงการสนับสนุนผลิตภัณฑ์ได้จากแอปนี้

คุณสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Bang & Olufsen ได้ที่นี่ :

B&O แอปพิเคชั่น - QR code
B&O แอปพิเคชั่น
  • เมื่อคุณเปิดแอปพลิเคชัน Bang & Olufsen ระบบจะขอให้คุณสร้างบัญชีผู้ใช้ เมื่อเข้าสู่ระบบแล้ว ให้แตะ + เพื่อตั้งค่าลำโพงใหม่
  • ทำตามคำแนะนำที่ให้ไว้เพื่อดำเนินการตั้งค่าให้เสร็จสิ้น

หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Beolink Multiroom เลือกหนึ่งในบทความด้านล่าง:

Beolink Multiroom คืออะไร

มีแหล่งข้อมูลใดบ้างที่รองรับในการตั้งค่า Beolink Multiroom

ฉันจะเริ่มเล่นเพลงบนลำโพงได้อย่างไร

ฉันจะใช้ Spotify Connect กับ Beolink Multiroom ได้อย่างไร

ฉันจะใช้แอปพลิเคชัน Bang & Olufsen สำหรับ Beolink Multiroom ได้อย่างไร

ฉันจะเชื่อมต่อเพลงจากลำโพงหนึ่งไปยังอีกลำโพงหนึ่งได้อย่างไร

ลำโพงของฉันสามารถทำงานร่วมกับลำโพงตัวอื่น ๆ อย่างต่อเนื่องได้อย่างไร

ฉันจะใช้รายการโปรดบนลำโพงได้อย่างไร

ฉันสามารถใช้รีโมตคอนโทรลใดกับลำโพงของฉันได้บ้าง

ฉันจะเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ Bang & Olufsen ทั้งหมดเป็นโหมดสแตนด์บายได้อย่างไร

ฉันจะสตรีมเพลงผ่าน AirPlay โดยทำให้เป็น Beolink Multiroom ได้อย่างไร

Wi-Fi และการเชื่อมต่อ

การเชื่อมต่อ Line-in มีไว้สำหรับใช้กับแหล่งสัญญาณเสียงเท่านั้น

จอแสดงผลผู้ใช้งาน :

  1. เปิด Beosound 2 3rd Gen
  2. ยืนอยู่หน้าผลิตภัณฑ์ กดปุ่ม บลูทูท ค้างไว้ประมาณสองวินาทีเพื่อเปิดใช้การจับคู่บลูทูท ไฟแสดงสถานะจะเริ่มกระพริบเป็นสีน้ำเงิน และคุณจะได้ยินเสียงตอบรับ ขณะนี้ Beosound 2 3rd Gen ของคุณพร้อมที่จะเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ของคุณแล้ว (โทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต ฯลฯ)
  3. เปิดการตั้งค่าบลูทูทบนอุปกรณ์ของคุณและจับคู่กับลำโพง
B&O ลำโพง Beosound 2 3rd Gen - Natural

จากแอป Bang & Olufsen :

  1. เปิด Beosound 2 3rd Gen
  2. เปิดแอป Bang & Olufsen เลือก Beosound 2 3rd Gen ไปที่ “การตั้งค่าผลิตภัณฑ์” “อุปกรณ์บลูทูทที่จับคู่” แล้วแตะ “เริ่มจับคู่”
  3. เปิดการตั้งค่าบลูทูทบนอุปกรณ์ของคุณและจับคู่กับลำโพง
B&O แอปพิเคชั่น
  1. หากต้องการเชื่อมต่อ Beosound 2 3rd Gen กับเครือข่าย Wi-Fi อื่น ให้กดปุ่ม < และ > ที่ด้านบนของลำโพงพร้อมกันเป็นเวลาสองวินาที ไฟแสดงสถานะ Play/Pause จะเริ่มกระพริบเป็นสีส้ม และลำโพงจะไม่สามารถใช้งานได้ในแอป Bang & Olufsen
B&O - ลำโพง Beosound 2 3rd Gen - Natural
  1. ลบลำโพงออกจากรายการสินค้าในแอป Bang & Olufsen แล้วกด + เพื่อเพิ่มอีกครั้ง
  2. เลือก Beosound 2 3rd Gen และทำตามคำแนะนำบนหน้าจอเพื่อตั้งค่า Wi-Fi

เสียง

Bang & Olufsen Stereo ช่วยให้สามารถตั้งค่าลำโพงที่เหมือนกันสองตัว เป็นคู่เสียงสเตอริโอได้ ในการตั้งค่าเครื่องเสียง Bang & Olufsen โปรดทำตามคำแนะนำนี้ (ตัวอย่าง) :

  1. การตั้งค่าลำโพงสองตัว
  • ลำโพงจะต้องเชื่อมต่อกับเครือข่ายเดียวกันและเพิ่มลงในแอปพลิเคชัน Bang & Olufsen
  • ลำโพงต้องเป็นรุ่นและประเภทเดียวกัน
  • ลำโพงทั้งสองต้องติดตั้งซอฟต์แวร์รุ่นเดียวกัน
 

2. เลือกลำโพงตัวแรก

  • ในแอป Bang & Olufsen เลือกหนึ่งในลำโพงที่คุณต้องการรวมอยู่ในคู่สเตอริโอ
  • เลื่อนลงและเลือกการตั้งค่าเสียง

 

 

3. ในเมนูการตั้งค่าเสียง

  • เลือกสร้างคู่สเตอริโอ
 

4. เลือกลำโพงตัวที่สอง

  • เลือกลำโพงตัวที่สองสำหรับคู่สเตอริโอ
  • เฉพาะรุ่นและประเภทเดียวกันของลำโพงจะปรากฏในรายการ
 

5. บทบาทของลำโพง

  • สามารถเปลี่ยนตำแหน่งซ้ายและขวาได้โดยการกดไอคอนสลับระหว่างลำโพงสองตัว
  • กด “ถัดไป” เพื่อสร้างคู่สเตอริโอ
 
B&O แอปพิเคชั่น - Stereo Paring

6. ตั้งชื่อคู่สเตอริโอ

  • ตั้งค่าชื่อของคู่สเตอริโอ
 
B&O แอปพิเคชั่น - Stereo Paring

7. ตั้งค่าสเตอริโอแล้ว

  • ตอนนี้ไม่ว่าจะใช้แอปหรือบริการใดลำโพงทั้งสองจะปรากฏเป็นหนึ่งเดียว
  • แอป Bang & Olufsen จะแสดงไอคอนเล็ก ๆ ถัดจากรูปภาพผลิตภัณฑ์ เมื่อคุณตั้งค่าลำโพงสองตัวเป็นคู่
 
B&O แอปพิเคชั่น

Bang & Olufsen Stereo ช่วยให้สามารถตั้งค่าลำโพงที่เหมือนกันสองตัว เป็นคู่เสียงสเตอริโอได้ ในการตั้งค่าเครื่องเสียง Bang & Olufsen โปรดทำตามคำแนะนำนี้ (ตัวอย่าง) :

  1. เลือกคู่สเตอริโอ
  • เปิดแอป Bang & Olufsen
  • เลือกคู่สเตอริโอที่คุณต้องการแยก
 

2. ไปยังการตั้งค่าเสียง

  • เลื่อนลงด้านล่างและเลือก “ตั้งค่าเสียง”

 

 

 

3. ในเมนูการตั้งค่าเสียง

  • เลือก แก้ไขการจับคู่สเตอริโอ
 

4. แยกการจับคู่

  • เลือก แยกการจับคู่ บริเวณด้านล่าง
 

5. ยืนยัน

  • ยืนยันว่าคุณต้องการแยกลำโพงออกจากการจับคู่ จากนั้นกด ดำเนินการต่อ
  • หลังจากนั้นไม่นานคุณจะเห็นลำโพงแต่ละตัวบนแอป Bang & Olufsen
 

ได้ คุณสามารถใช้แอป Bang & Olufsen เพื่อตั้งค่าขีดจำกัดระดับเสียงที่คุณต้องการในเมนูการตั้งค่าเสียงที่เข้าถึงได้จากหน้าผลิตภัณฑ์ Beosound 2 3rd Gen

  1. เลือกผลิตภัณฑ์ในแอป Bang & Olufsen
  2. แตะ “การตั้งค่าเสียง”
  3. ปรับ “ระดับเสียงสูงสุด” โดยใช้แถบเลื่อน (สามารถตั้งค่าได้ระหว่าง 20-100)
  4. คุณยังสามารถกำหนดระดับเสียงเมื่อเริ่มต้นจากโหมดสแตนด์บายได้โดยการปรับแถบเลื่อน “ระดับเสียงเริ่มต้น”
  5. ระดับเสียงเริ่มต้นต้องไม่เกิน 60 เพื่อป้องกันความเสียหายต่อการได้ยิน
B&O แอปพิเคชั่น

Active Room Compensation ช่วยให้ Beosound 2 3rd Gen สามารถเทียบเสียงกับบริเวณห้องโดยรอบ เพื่อให้สามารถใช้ตัวกรองในการเพิ่มคุณภาพเสียงตามตำแหน่งในพื้นที่ต่าง ๆ ลำโพงจะเล่นเสียงกว้าง และเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพที่แม่นยำที่สุด โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าห้องเงียบก่อนที่คุณจะเริ่มกระบวน Active Room Compensation

Beosonic เป็นเครื่องมือในแอป Bang & Olufsen ที่ให้คุณปรับแต่งเสียงได้ตามต้องการ อัลกอริทึมเสียงดิจิตอลขั้นสูงที่พัฒนาโดยทีมอะคูสติกของเราช่วยให้คุณสำรวจพื้นที่เสียงต่าง ๆ ได้เพียงแค่เลื่อนวงกลมไปรอบ ๆ หรือขยายให้ใหญ่ขึ้น การตั้งค่าทั้งหมดเหล่านี้สามารถบันทึกเป็นโหมดเสียงส่วนตัวได้ เพื่อให้คุณสามารถเข้าถึงได้อีกครั้งอย่างง่ายดาย

การปรับแต่งใน Beosonic

  • เพิ่มหรือลดความกว้างของเสียง (ซูม/หด)
  • ย้ายวงกลมเพื่อปรับความสมดุลของเสียง
  • บันทึกค่าที่ตั้งไว้ล่วงหน้าของคุณสำหรับการเข้าถึงที่ง่ายในภายหลัง

* สามารถเข้าถึง Beosonic ได้โดยการกดที่ผลิตภัณฑ์สองครั้งที่หน้าแรกแล้วเลือกโหมดเสียงโหมดใดโหมดหนึ่ง

B&O แอปพิเคชั่น - Beosoinc

Active Room Compensation จะดำเนินการระหว่างการตั้งค่า Beosound 2 3rd Gen ครั้งแรก โดยสามารถปรับเทียบใหม่ได้ เช่น หากลำโพงถูกย้ายไปยังตำแหน่งใหม่ นอกจากนี้ยังสามารถปิดใช้งานตัวกรองที่ปรับเทียบได้อย่างสมบูรณ์

หากต้องการปรับการตั้งค่า Room Compensation ให้เปิดแอป Bang & Olufsen เลือก Beosound 3rd Gen แล้วไปที่ Sound Settings เลือก Room Compensation

หากการตั้งค่า Active Room Compensation เสร็จสิ้นแล้ว คุณสามารถเลือกที่จะปิดได้

 

หากต้องการวัดใหม่ ให้แตะ Re-run เพื่อเริ่มการวัดใหม่

B&O ลำโพง Beosound 2 3rd Gen - Natural

อื่นๆ

เพื่อให้แน่ใจว่าลำโพงของคุณมีคุณสมบัติและการปรับปรุงล่าสุด การอัปเดตซอฟต์แวร์ระบบอัตโนมัติจะเปิดใช้งานตามค่าเริ่มต้น และนี่คือการตั้งค่าที่แนะนำ

คุณสามารถเปลี่ยนได้ตลอดเวลาในแอป Bang & Olufsen

 
B&O - ลำโพง Beosound 2 3rd Gen - Natural
B&O - ลำโพง Beosound 2 3rd Gen - Natural

ระหว่างการอัปเดตซอฟต์แวร์ ไฟแสดงสถานะผลิตภัณฑ์จะกระพริบเป็นสีเขียว และจะเปลี่ยนเป็นสีขาวทึบเมื่อการอัปเดตเสร็จสิ้น

  1. หากต้องการรีเซ็ต Beosound 2 3rd Gen เป็นค่าเริ่มต้นจากโรงงาน ให้กดปุ่ม < และ > ที่ด้านบนของลำโพงพร้อมกันเป็นเวลาแปดวินาที ไฟแสดง Play/Pause จะเริ่มกระพริบเป็นสีขาว และลำโพงจะไม่สามารถใช้งานได้ในแอป Bang & Olufsen
B&O - ลำโพง Beosound 2 3rd Gen - Natural
  1. เมื่อเปิดลำโพงแล้ว ไฟแสดง Play/Pause จะกระพริบเป็นสีส้ม แสดงว่าลำโพงพร้อมสำหรับการตั้งค่าแล้ว
  2. เปิดแอป Bang & Olufsen เพื่อตั้งค่า Beosound 2 3rd Gen อีกครั้ง

หากเคยตั้งค่าลำโพงในแอป Bang & Olufsen มาก่อน ตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้ลบลำโพงออกจากรายการผลิตภัณฑ์ก่อนที่จะเพิ่มอีกครั้ง

เช็ดฝุ่นออกจากพื้นผิวโดยใช้ผ้านุ่มและแห้ง ห้ามใช้น้ำยาทำความสะอาดหรือสเปรย์ทำความสะอาด

ในการขจัดคราบหรือสิ่งสกปรก ให้ใช้ผ้านุ่มชุบน้ำหมาด ๆ ผสมน้ำกับน้ำยาทำความสะอาดอ่อน ๆ เช่น น้ำยาซักผ้า

ขอแนะนำให้ใช้แปรงขนนุ่มปัดฝุ่นออกจากร่อง

ในการขจัดคราบหรือสิ่งสกปรกรอบ ๆ บริเวณสัมผัส สามารถใช้เอทานอลบนผ้านุ่มชุบน้ำหมาด ๆ ได้

คุณมีตัวเลือกต่าง ๆ เพื่อค้นหาหมายเลขประจำเครื่อง :

  • บนฉลากบนบรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์
  • ในแอป Bang & Olufsen ใต้ “การตั้งค่าผลิตภัณฑ์” – “เกี่ยวกับ” โปรดทราบว่าจำเป็นต้องเพิ่ม Beosound 2 3rd Gen ลงในแอป
  • ที่ด้านล่างของผลิตภัณฑ์

ปุ่ม Play/Pause :

สีขาว (นิ่ง)

เชื่อมต่อกับเครือข่ายพร้อมใช้งาน

สีขาว (กระพริบช้า ๆ )

กำลังเปิดเครื่อง

สีขาว (กระพริบเร็ว)

กำลังปรับเทียบเสียงเข้ากับห้อง

สีขาว (กระพริบเป็นจังหวะ)

หยุดชั่วคราว

สีเหลืองอำพัน (นิ่ง)

ไม่มีการเชื่อมต่อเครือข่าย การเชื่อมต่อขาดหาย

สีเหลืองอำพัน (กระพริบช้า ๆ )

พร้อมสำหรับการตั้งค่าเครือข่าย

สีเหลืองอำพัน (กระพริบเป็นจังหวะ)

กำลังเชื่อมต่อกับเครือข่าย

สีแดง (นิ่ง)

เกิดข้อผิดพลาด (โปรดติดต่อฝ่ายบริการลูกค้า)

สีแดง (กระพริบช้า ๆ )

ข้อผิดพลาดชั่วคราว (เช่น ความร้อนสูงเกินไป)

สีเขียว (กระพริบเป็นจังหวะ)

กำลังอัปเดตเฟิร์มแวร์

 
B&O - ลำโพง Beosound 2 3rd Gen - Natural

ปุ่ม Bluetooth :

สีน้ำเงิน (นิ่ง)

การเชื่อมต่อบลูทูทสำเร็จ

สีน้ำเงิน (กระพริบช้า ๆ )

โหมดจับคู่บลูทูท

 
B&O - ลำโพง Beosound 2 3rd Gen - Natural

ปุ่มไมโครโฟน :

สีขาว (นิ่ง)

เปิดใช้งานไมโครโฟน

สีแดง (นิ่ง)

ปิดใช้งาน (กดปุ่มไมโครโฟนค้างไว้)

ปิด

ปิดใช้งาน (ใช้สวิตช์สลับไมโครโฟน)

 
B&O - ลำโพง Beosound 2 3rd Gen - Natural

หากต้องการปิดเสียงไมโครโฟนอย่างง่ายดาย ให้กดปุ่มไมโครโฟนที่ด้านบนของลำโพงค้างไว้

ไฟแสดงสถานะไมโครโฟนจะเปลี่ยนเป็นสีแดงในขณะที่ปิดเสียงไมโครโฟน

B&O - ลำโพง Beosound 2 3rd Gen - Natural

หากต้องการปิดไมโครโฟนทั้งหมด ให้ใช้สวิตช์เปิด/ปิดที่ด้านล่างของลำโพง

 

เมื่อใช้วิธีนี้ ไฟแสดงสถานะไมโครโฟนที่ด้านบนของลำโพงจะดับลง

 

โปรดทราบว่าเมื่อปิดไมโครโฟน จะไม่สามารถทำการ Active Room Compensation ได้

B&O - ลำโพง Beosound 2 3rd Gen